Sunday, September 17, 2017

ความรักชาติ

     
           
วันก่อน ในรายการ คลื่นความคิด ทาง FM 96.5 คืนวันพุธ เวลา 20.30-21.30 น.ช่วงที่คุณสรรเสริญ ปัญญาธิวงศ์ และผม สนาทนากับท่าน ว.วชิรเมธี มีผู้ฟังทางบ้านถามเข้ามาถึงเรื่องความรักชาติ และอยากทราบว่านอกจากคำพูดแล้วเราจะสามารถแสดงออกถึงความรักชาติได้อย่างไรบ้าง
            ก่อนอื่นคงต้องทำความเข้าใจก่อนว่า คำว่าชาติเป็นของใหม่สำหรับคนไทย เพราะโครงสร้างของประเทศไทยในสมัยโบราณนั้น แม้จะมีราชธานีเช่นกรุงศรีอยุธยา หรือกรุงรัตนโกสินทร์ยุคต้น เป็นศูนย์กลาง แต่การปกครองยังมีลักษณะเป็นหัวเมืองชั้นนอกชั้นในและประเทศราช ซึ่งแต่ละเมืองก็ประกอบด้วยชนพื้นเมืองในท้องถิ่นนั้น ๆ และกลุ่มชนอื่น ๆ เราเพิ่งจะรู้จักคำว่าชาติ และตื่นตัวเรื่องความรักชาติกันในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงพระราชนิพนธ์ถึงเรื่องชาติและความรักชาติไว้ในบทพระราชนิพนธ์หลายเรื่อง ทรงมีพระบรมราชาธิบายถึงคำว่าชาติว่า ...คณะชนหลาย ๆ คณะ รวมกันเข้าจะเป็นคณะใหญ่ จึงได้นามว่าชาติ เพราะฉะนั้น คณะทุก ๆ คณะที่ร่วมชาติกัน ต้องมีความสามัคคีปรองดองกันระหว่างคณะ ชาติจึงจะตั้งอยู่เป็นอันหนึ่งอันเดียวมั่นคงได้ ...
และทรงพระราชนิพนธ์ถึงความรักชาติว่า ความรักชาตินั้นต้องเป็นของจริง  ซึ่งแสดงให้ปรากฏชัดเจนทุกสถาน ไม่เพียงแค่ร้องตะโกนด้วยปากว่ารักชาติ ทรงมีพระบรมราชาธิบายถึงการแสดงความรักชาติว่า ให้เอื้อเฟื้อคนในชาติเดียวกัน ไม่ประทุษร้ายกัน ประพฤติตนเป็นพลเมืองดี เต็มใจยอมเสียสละให้แก่ชาติ  ไม่ยอมให้ใครมาทำลาย ไม่ยอมให้ใครแย่งถิ่นที่ตั้งชาติ ใครมารุกรานดินแดนของเรา เราต้องต้านทานจนสุดกำลัง  ถึงแม่จะต้องเสียเลือดเนื้อหรือชีวิตก็ต้องยอมเสีย เพื่อสงวนชาติไว้เป็นมรดกแก่ลูกหลานของเราสืบไปจงได้
การแสดงความรักชาติที่เห็นได้อย่างชัดเจนในสมัยก่อน ก็คือการเสียสละชีวิตของตนเองเพื่อปกป้องชาติ  อย่างไรก็ตามในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ เองยังใช้คำว่าราชพลี เช่นในปี พ.ศ 2457 ราชนาวีสมาคมแห่งกรุงสยามฯ ได้ เรี่ยไรทุนทรัพย์เพื่อซื้อเรือรบหลวงพระร่วงถวายเป็นราชพลี เราเพิ่งจะมาใช้คำว่าชาติพลีกันหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองดังปรากฏในเพลงชาติที่ว่า สละเลือดทุกหยาดเป็นชาติพลี และในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม ซึ่งเป็นช่วงสงครามอินโดจีนและสงครามมหาเอเชียบูรพา รัฐบาลได้เน้นในเรื่องความรักชาติด้วยชีวิตและเลือดเนื้อ เช่น ใคระได้จารึกชื่อ(ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ)ก่อนกัน รวมทั้งในบทเพลงปลุกใจต่าง ๆ ซึ่งประพันธ์โดย พล.ต.หลวงวิจิตรวาทการ
            หลัง พ.ศ.2500 การแสดงความรักชาติของคนไทยเปลี่ยนแปลงไป และนิยมแสดงออกด้วยการบริจาคเงินทองและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือทหารตามชายแดนหรือผู้ประสบภัยพิบัติต่าง ๆ ผ่านรายการพิเศษที่จัดขึ้นทางสถานีโทรทัศน์ ซึ่งถ้าจะเรียกว่าเป็นการแสดงความความรักชาติแบบทุนนิยมผสมบันเทิงนิยมก็น่าจะได้
คุณทราบไหมครับว่า ในบรรดาประชาชนของประเทศต่าง ๆ ในโลกนี้ ประชาชนที่ได้ชื่อว่ารักชาติมากที่สุดลำดับต้น ๆ ได้แก่สหรัฐฯ ญี่ปุ่น สวิตเซอร์แลนด์ และออสเตรเลีย โดยแต่ละชาติต่างก็มีเหตุผลและการแสดงความรักชาติที่แตกต่างกันออกไป - เหตุผลประการสำคัญที่ทำให้คนอเมริกันรักชาติ ก็คือความภูมิใจในชาติ ถึงแม้สหรัฐฯ จะเป็นประเทศที่มีอายุเพียง 200 กว่าปี แต่ประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ จะเต็มไปด้วยเรื่องราวของคนอเมริกัน ที่สร้างผลงานและชื่อเสียงแก่ประเทศชาติ คนญี่ปุ่นนั้นขึ้นชื่อมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่สองในเรื่องความรักชาติแบบเอาชีวิตเข้าแลกเช่นนักบินกามิกาเซ่ คนสวิตเซอร์แลนด์ทุกคนจะถือเป็นหน้าที่ในการดูแลชาติบ้านเมือง สำหรับคนออสเตรเลียนจะหวงแหนดินแดนของตนเป็นอย่างยิ่ง
            ย้อนกลับมายังคำถามที่ว่านอกจากคำพูดแล้วเราจะแสดงความรักชาติได้อย่างไรถ้ากลับไปดูประชาชนของประเทศที่ได้ชื่อว่ารักชาติที่สุดในโลก จะเห็นว่าการรักชาตินั้นสามารถแสดงออกได้หลากหลายวิธี การทำงานในหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่ก็ถือเป็นการแสดงความรักชาติ การเคารพกฏหมายบ้านเมือง การปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและทรัพย์สมบัติของชาติ การเสียภาษีอากร การไม่สร้างความเดือดร้อนแก่สังคมก็เป็นความรักชาติอีกอย่างหนึ่ง หรือใครจะบอกว่าการร้องเพลงชาติเป็นการแสดงความรักชาติได้เหมือนกัน ก็ไม่ว่ากันหรอกครับ
            มีข้อมูลจากผลการสำรวจของธนาคารโลกว่า ประเทศที่ประชาชนมีความรักชาติมาก จะเป็นประเทศที่มีการคอรัปชั่นต่ำ ประชาชนเอื้ออาทรกันและกัน และไม่ละเมิดกฎหมายและสิทธิของผู้อื่น
            การรักชาติเป็นเรื่องที่ต้องปลูกฝังและปลุกจิตสำนึก ที่สำคัญก็คือต้องสร้างความรู้สึกภูมิใจในชาติไทย และภูมิใจที่เกิดมาเป็นคนไทยด้วยครับ แล้วความรักชาติก็จะตามมาเอง

No comments:

Post a Comment